การ ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนมากจำเป็นต้องอาศัยช่างที่ชำนาญงานเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ หรือ งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นผู้ดำเนินการให้ เพราะส่วนมากมีความละเอียดและค่อนข้างซับซ้อน หากไม่ชำนาญจริงๆ มีสิทธิ์ทำให้เกิดอาการเสียหายหนักกว่าเดิม หากคิดซ่อมด้วยตัวเองได้ ! แต่อย่างไรก็ตาม คนเราไม่มีใครทำอะไรเป็นตั้งแต่เกิดหรอก ! หากสนใจจริงๆ ก็อาจจะสามารถศึกษาหาความรู้เอาได้ และบางอย่างหากเรียนรู้เอาไว้บ้างก็ไม่เสียหลาย เผื่อเกิดเหตุจำเป็นขึ้นมา หรือ เกิดข้าวของเสียหายเล็กๆ น้อยๆ จะได้สามารถแก้ไขเองได้ และในปัจจุบันเราสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการซ่อมและแก้ไขงานช่างง่ายๆ ได้ด้วยตัวเองจากทาง internet ดังนั้นบางอย่างอาจจะไม่ยากนักหากจะศึกษาและลองทำดูเอง
อย่างไรก็ตาม นอกจากความรู้และความพยายามแล้ว หากต้องการทำงานช่างเกี่ยวกับการ ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เราจำเป็นที่จะต้องมี เครื่องมือเบื้องต้นเอาไว้ใช้งาน
เครื่องมือเบื้องต้นสำหรับงาน ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
1. มิเตอร์วัดค่าทางไฟฟ้า เป็นเครื่องมือที่มีความจำเป็น ใช้ในการวัดค่ากระแสไฟฟ้า ความต้านทาน แรงดันกระแสไฟฟ้า (ซึ่งจะมีโหมดแบ่งว่าจะวัดกระแสตรงหรือกระแสสลับ) มีอยู่หลายแบบหลายราคา สำหรับช่างสมัครเล่น อาจจะซื้อเครื่องแบบเข็มมาใช้ก่อนก็ได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 200 – 1000 บาท
2. หัวแร้ง และตะกั่วบัดกรี หัวแรงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ละลายตะกั่วบัดกรีด้วยความร้อนสูง ใช้เชื่อมต่อวงจรและสายไฟต่างๆ ให้เชื่อมต่อกัน เป็นอุปกรณ์ที่ช่างอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีอยู่หลายแบบหลายขนาด สำหรับช่างสมัครเล่น เลือกซื้อหัวแร้งแช่ขนาดเล็กมาไว้ใช้ก่อนก็ได้ สำหรับงานเล็กๆ น้อย
3. ไขควงวัดไฟฟ้า ใช้สำหรับขันสกรูได้เช่นเดียวกับไขควงทั่วไป แต่มีการติดตั้งหลอดไฟสำหรับวัดกระแสไฟฟ้าเอาไว้ด้วย ทำให้รู้การไหลของกระแสไฟฟ้า และยังใช้เขี่ยชิ้นงานขนาดเล็กๆ ได้อีกด้วย
4. คีมหนีบ เป็นอุปกรณ์สำหรับหนีบหรือคีบสิ่งของชิ้นส่วนขนาดเล็ก ส่วนมากในงาน ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะใช้ชนิดที่มีปากเล็ก
5. คีมตัด ใช้ตัดสายไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือตัดชิ้นส่วนต่างๆ
6. ไขควง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ขันสกรู ส่วนใหญ่ที่ใช้ในงาน ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นไขควงแบบที่มีขนาดเล็กเป็นพิเศษ
7. เทปพันสายไฟ ใช้สำหรับพันสายไฟฟ้าที่มีการเชื่อมต่อกัน ป้องกันการช๊อตหรือลัดวงจร
นี่เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในงาน ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ควรมีติดบ้านเอาไว้หากสนใจทำงานด้านนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การศึกษาหาความรู้ และทดลองทำอย่างเป็นค่อยไป