เครื่องซักผ้าโดยเฉพาะเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ จะมีปัญหาหนึ่งที่สร้างความหนักอกหนักใจให้กับเจ้าของผู้ใช้งาน เมื่อมีการใช้งานไปนานๆ นั่นก็คือ เรื่องการที่เราซักผ้าแล้วเกิดมีคราบสิ่งสกปรกที่ดูเหมือนโคลนเลอะเปรอะเสื้อ และจำเป็นปัญหามากหากว่าเป็นเสื้อผ้าที่มีสีขาว บางทีถึงขนาดต้องเอาออกมาซักด้วยมือเพื่อแก้ไขกันเลยทีเดียว (แต่บางทีก็แก้ไม่ได้ กลายเป็นรอยคราบอยู่แบบนั้น... ถ้าเป็นเสื้อที่จำเป็นต้องใช้ในงานเนี๊ยบๆ ที่เป็นทางการ มีโอกาสต้องทิ้งปลดระวางไปเป็นชุดทำงานช่างกันเลยทีเดียว !) ปัญหานี้เกิดจากการเข้าไปสะสมของตะกอยสิ่งสกปรกภายในช่องของถังชั้นใน (ถังของเครื่องซักผ้าอัตโนมัติจะมี 2 ชั้น) สิ่งสกปรกฝุ่นผงใยผ้าและอื่นๆ สามารถเกิดการสะสมได้ และบางทีก็จับตัวกลายเป็นเมือกโคลนเหนียวๆ อยู่ภายในถังชั้นใน เวลาเปิดเครื่องให้ทำงาน มันก็จะหลุดออกมา ทำให้เสื้อผ้าสกปรก ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหานี้ เจ้าของบ้านหรือผู้ใช้มักจะต้องติดต่อเรียก ช่างซ่อมเครื่องซักผ้า ให้มาทำการแก้ไขให้ บางทีก็ต้องยกเอาไปยังร้านที่ให้บริการ ซ่อมเครื่องซักผ้า เพื่อให้ช่างทำการ ล้างเครื่องซักผ้า ให้อาการจึงจะหาย ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและมีค่าใช้จ่ายพอสมควร ยิ่งเป็นช่างที่ไม่มาบริการถึงบ้าน เจ้าของต้องยกไปเอง เป็นเรื่องใหญ่มากๆ เพราะเครื่องซักผ้าไม่ได้มีขนาดเล็กๆ ขนย้ายไม่สะดวก...

อย่างไรก็ตามนอกจากการติดต่อหา ช่างซ่อมเครื่องซักผ้า ให้ช่วยแก้ไข ซ่อมเครื่องซักผ้า ให้กลับมาสะอาดใช้งานได้แล้ว เรายังสามารถทำความสะอาดดัวยตัวเองด้วยวิธีการง่ายๆ จากของที่มีอยู่ทั่วไปภายในบ้านได้ด้วยตัวเองอีกด้วย !

วิธีการ ล้างเครื่องซักผ้า ด้วยตัวเอง จากของที่หาได้ง่ายๆ ภายในบ้าน นั่นก็คือ “เบกกิ้งโซดา”
เบกกิ้งโซดา หรือ เรียกกันทั่วๆ ไปว่า “ผงฟู” เป็นสิ่งที่ควรมีไว้ติดบ้าน เนื่องจากมันสามารถใช้งานได้สารพัดประโยชน์ในเรื่องการทำความสะอาดอย่างปลอดภัย เนื่องจากผงชนิดนี้จริงๆ แล้วเราใช้เป็นส่วนประกอบในการทำขนมเพื่อให้ฟูนุ่มน่าทาน แต่มันมีผลพลอยได้ที่น่าสนใจในการใช้ทำความสะอาดสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะการล้างผัก ที่สามารถล้างสารพิษออกไปได้มากถึง 80-90% เลยทีเดียว ! และมันสามารถนำมาใช้ ล้างเครื่องซักผ้า ได้ด้วย

วิธีการก็คือ เปิดน้ำเข้าเครื่องเหมือนเราต้องการซักผ้าด้วยระดับน้ำสูงสุด เทเบกกิ้งโซดาปริมาณ 1 ถ้วยตวง ลงไป แล้วเปิดเครื่องให้ทำงานประมาณ 5 นาที จากนั้นหยุดเครื่องขังน้ำผสมเบกกิ้งโซดาไว้ประมาณ 5 ชั่วโมง (หรือจะทำตอนค่ำ แล้วทิ้งค้างคืนก็ได้) จากนั้นเปิดเครื่องให้ทำงานตามปกติ โดยไม่ต้องใส่ผ้า (ซัก ล้าง ปั่นแห้ง แบบปกติ) เสร็จแล้วทำการเปิดน้ำเข้าเต็มถังและปล่อยเครื่องงานอีกรอบโดยไม่ใส่ผ้า (ใส่แต่น้ำเปล่า) คราบภายในเครื่องก็จะถูกขจัดออกไป สามารถใช้ซักผ้าได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาคราบอีก

วิธีที่ต่อมา ในกรณีที่ไม่มีเบกกิ้งโซดา เราสามารถใช้ น้ำส้มสายชูกลั่น แทนได้ โดยใช้น้ำส้มสายชูกลั่นปริมาณ 3 ถ้วยตวง เทลงไป ขั้นตอนเหมือนการใช้เบกกิ้งโซดาทุกประการ ก็สามารถใช้ ล้างเครื่องซักผ้า เพื่อขจัดคราบสกปรกที่แอบอยู่ในถังและทำให้เสื้อผ้าสกปรกได้เช่นกัน