ประเด็นเรื่อง ไลเซนส์ช่างไฟฟ้า เป็นเรื่องที่ houzzMate ให้ความสนใจและติดตามมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้ทำการถ่ายทำและนำมาเผยแพร่ไปแล้วหลายครั้ง เนื่องจากเป็นหนึ่งในพันธกิจ ที่เกี่ยวกับการพัฒนายกระดับช่างในประเทศของเรา ซึ่ง houzzMate มีความปรารถนาที่จะสบันสนุนในเรื่องนี้ และเราเคยได้จัดการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ซึ่งเป็นด่านแรกที่ ช่างไฟฟ้า ที่ต้องการได้รับ ไลเซนส์ช่างไฟฟ้า เพื่อทำงานอย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด มีการปรับปรุง ในเรื่องวิธีการสอบภาคทฤษฎี ดังนั้นเราจึงต้องเดินทางไปขอคำแนะนำอีกครั้ง เพื่อที่จะได้นำเอาเรื่องนี้มาเผยแพร่ให้กับ ช่างไฟฟ้าและผู้ที่สนใจได้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้...

การทดสอบแบบ E-testing เป็นการนำเอาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ เข้ามาใช้ในการทดสอบภาคทฤษฎีแทนการทำข้อสอบในกระดาษแบบเดิม ซึ่งทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้พัฒนาวิธีการใหม่นี้ขึ้นเพื่อใช้ในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ซึ่งทาง houzzMate ได้รับอนุญาตจากศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลำพูน โดยท่านผู้อำนวยการพรพิมล อินทิยศ ให้เข้าทำการถ่ายทำและให้เกียรติแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้กับเราได้ทราบ ซึ่งท่านสามารถชมรายละเอียดที่มาที่ไป และลักษณะวิธีการทดสอบได้จากคลิปด้านล่างนี้

สำหรับการทดสอบแบบ E-Testing นั้น มีจุดเด่นในเรื่องของความรวดเร็วในการประมวลผล และมีความโปร่งใสเป็นธรรม ผู้เข้าสอบแต่ละท่านจะใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตัวตนในการทดสอบ และยังมีการบันทึกภาพก่อนทดสอบ เพื่อให้เห็นว่า เป็นบุคลคนเดียวกับบัตรแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถมั่นใจได้เต็มที่ในเรื่องของความโปร่งใสในการทดสอบ ว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องการทุจริตเกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากข้อสอบที่ผู้เข้ารับการทดสอบจะได้รับนั้น มาจากการที่โปรแกรมทำการ random จากฐานข้อมูลซึ่งมีมากกว่า 1000 ข้อ ออกมาให้ผู้เข้าทดสอบแต่ละคนโดยไม่มีการซ้ำกัน ดังนั้นต่อให้นั่งติดกันก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่ว่าใครจะเห็นข้อสอบหรือคำตอบของอื่นแน่นอน แม้ว่าจะนั่งติดกัน และไม่ต้องกังวลในเรื่องการรั่วของข้อสอบออกไปภายนอกก่อน ดังนั้นเรื่องความโปร่งใสสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่

ข้อสอบที่จะใช้ในการทดสอบแบบ E-Testing สำหรับ ช่างไฟฟ้าที่ต้องการได้ ไลเซนส์ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร มีทั้งหมดจำนวน 60 ข้อ และมีเวลาให้ในการทำข้อสอบ 1 ชั่วโมง ซึ่งผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องทำข้อสอบได้อย่างน้อย 36 ข้อ หรือ คิดเป็น 60% ขึ้นไปจึงจะถือว่าผ่าน และเมื่อผ่านการทดสอบภาคทฤษฎีนี้แล้ว ผู้เข้ารับการทดสอบจึงจะมีสิทธิ์ในการสอบภาคปฏิบัติต่อไป

จุดเด่นอีกอย่างของการทดสอบแบบ E-Testing ก็คือ ผู้เข้ารับการทดสอบจะสามารถทราบผลคะแนนที่ตนเองทำได้เลย ไม่ต้องรอเวลาในการตรวจด้วยการใช้คนตรวจแบบเดิมซึ่งค่อนข้างใช้เวลามาก หลังจากที่สอบเสร็จ ช่างไฟฟ้าที่เข้ารับการทดสอบจะได้รับเอกสารแสดงผลคะแนนทันที ทราบได้เลยว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่าน ทำให้ผู้เข้ารับการทดสอบได้รับความสะดวกเป็นอย่างมาก ในกรณีที่ทำการทดสอบครั้งแรกไม่ผ่าน ผู้เข้ารับการทดสอบสามารถทำการสอบแก้ตัวได้ 1 ครั้ง แต่หากว่ายังไม่ผ่านอีก ก็ต้องกลับไปเริ่มต้นทำการสมัครเพื่อรอรับการทดสอบใหม่ ซึ่งข้อดีก็คือ ผู้เข้าทดสอบมีเวลาเตรียมตัวให้มีความพร้อมมากขึ้นก่อนเข้ารับการสอบ แต่แน่นอนว่า ข้อสอบที่ต้องทำในครั้งใหม่ก็จะไม่ใช่ชุดเดิม เนื่องจากระบบจะจัดข้อสอบในแบบสุ่มเลือก

นี่คือการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในภาคทฤษฎีด้วยระบบการทดสอบแบบที่เรียกว่า E-Testing ซึ่งจุดเด่นก็คือ รวดเร็ว ทันสมัยและมีความโปร่งใส ซึ่งตอนนี้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน ทั่วประเทศกำลังปรับเปลี่ยนการทดสอบมาใช้วิธีการนี้ และนอกจากสาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคารแล้ว ช่างในสาขาอื่นๆ ก็จะได้รับการพัฒนาด้วยการให้ต้องทดสอบมาตรฐานและสอบไลเซนส์ต่อไป และที่เราทราบมาว่าจะมีการออก พ.ร.บ. ออกมาต่อจาก ไลเซนส์ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ก็จะเป็น สาขาช่างเชื่อมและช่างเครื่องปรับอากาศ (ช่างแอร์) ก็ขอให้มีการเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจในวิชาชีพของตนเองเอาไว้ เพื่อที่ว่าเมื่อมีกฎหมายออกมา เราที่เป็นช่างจะได้มีความพร้อมในการสอบ และยังเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผู้ว่าจ้างเกิดความมั่นใจในการทำงานของเรามากขึ้น และ... มาตรฐานนี้จะถูกยกขึ้นเป็นมาตรฐานในระดับนานาชาติต่อไป ซึ่งมันจะทำให้ช่างสามารถเดินทางไปทำงานในต่างประเทศได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เมื่อมีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งในอนาคตอันใกล้ จะเป็นการดำเนินการในระดับภูมิภาค AEC ของเรา...