หลอด LED เป็นหลอดไฟรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมเลือกใช้งานกันในปัจจุบันนี้ จุดเด่นที่ทราบกันโดยทั่วไปก็คือ มันเป็นหลอดที่ประหยัดไฟ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าไฟฟ้าได้มากกว่าหลอดแบบเดิม ในขณะที่ให้แสงที่มีความสว่างเท่ากัน อย่างไรก็ดีการที่เราจะเปลี่ยนหลอดไฟ หรือ ซื้อหาอุปกรณ์ใดๆ มาใช้งาน สิ่งแรกที่เราควรทำก็คือ การทำความรู้จักกับมันให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้พิจารณาว่ามันคุ้มค่าหรือเหมาะสมแค่ไหนในการใช้งาน ซึ่งในครั้งนี้ เราจะมาแนะนำถึงเรื่อง "ชนิดของหลอดไฟ LED" ว่ามันมีกี่ชนิด มีจุดเด่นและข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก่อนจะนำมาติดตั้งเอง หรือ หาช่าง มาเปลี่ยนหลอดไฟใหม่เพื่อใช้งาน...
ชนิดของหลอดไฟ LED
หลอด LED ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปจะมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด ใหญ่ๆ คือ
1. หลอดไฟ LED รูปทรงมาตรฐาน แบบไม่บังคับทิศทางแสง (Non-directional light) หลอด LED ชนิดนี้ เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด และนิยมใช้งานในบ้านเรือนที่พักอาศัยทั่วไป มีลักษณะที่ดูคล้ายหลอดไส้แบบเก่า (หลอด "อินคานเดสเซนต์" ) รูปร่างเป็นทรงกลม ทรงลูกแพร์ หรือ ทรงเทียน แบบที่คุ้นเคยกันมาแต่ดั้งเดิม การให้แสงของหลอดชนิดนี้ จะส่องแสงกระจายไปโดยรอบในทิศทางที่ไม่ถูกปิดกั้นโดยขั้วของหลอด หลอดชนิดนี้ หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่สูงหากเทียบกับแบบอื่นๆ การใช้งานก็สะดวก ยกตัวอย่างเช่น แต่เดิมในบ้านใช้หลอดประหยัดไฟ หรือ หลอดตะเกียบ อยากเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ชนิดนี้ ก็สามารถซื้อมาและวถอดหลอดไฟเก่าออก เปลี่ยนหลอดไฟ LED ใหม่เข้าไปได้เลย โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้งาน ขนาดของขั้วหลอด โดยทั่วไปจะเป็น ขนาด E14 และ E27 หรือขั้วบิดขนาด B22
2. หลอดไฟ LED รูปทรงมาตรฐาน แบบบังคับทิศทางแสง (Directional light) หลอด LED ชนิดนี้ หากว่าท่านไหนเคยใช้งานหลอดฮาโลเจนน่าจะคุ้นตา (หลอดฮาโลเจน เป็นหลอดไฟที่ให้ปริมาณความสว่างสูงกว่าหลอดไส้ เนื่องจากแสงที่เกิดขึ้นนอกจากจะมาจากการที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอดทังสเตนแล้ว ยังมีการเติมสารประเภทฮาโลเจน เช่น ฟลูออลีน คลอลีน หรือ ไอโอดีน ลงไปในหลอด) และจุดประสงค์ที่มันถูกผลิตมาก็เพื่อใช้งานแทนหลอดฮาโลเจนส่องสว่างนั่นเอง เพียงแต่ว่า มันไม่ได้กินกระแสไฟมากและไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูงเหมือนหลอดฮาโลเจนแบบเก่า รูปทรงโดยทั่วไปจะออกแบบล้อตามหลอดฮาโลเจน รูปร่างเป็นทรงถ้วย ทรงพาร์ หรือ ดอกเห็ด การให้แสงจะมีลักษณะบังคับทิศทาง ภายในหลอดมีตัวสะท้อนแสงอยู่ด้านใน เพื่อบังคับแสงให้ไปในทางเดียว อย่างไรก็ดี ในการจะนำหลอด LED ชนิดนี้ไปใช้แทนหลอดฮาโลเจน ต้องพิจารณาให้ดีก่อน เนื่องจาก หลอดฮาโลเจนบางชนิดมีการติดตั้งหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าเพิ่มเข้าไป ซึ่งหากเอาหลอด LED ชนิดนี้ไปเปลี่ยนใส่ก็จะเกิดความเสียหาย ต้องตรวจสอบให้ดีก่อน
3. หลอดไฟ LED รูปทรงท่อ (Tube) หลอด LED ชนิดนี้ ดูจากรูปร่างก็ทราบได้ทันทีว่า ผลิตมาเพื่อใช้งานแทนหลอด ฟลูออเรสเซนต์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า หลอดนีออน แบบเดิมที่ใช้กันอยู่ทั่วไป รูปทรงหน้าตา ลอกแบบกันมาชนิดที่ว่า บางทีมองภายนอกแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว ในการใช้งานหลอดแบบนี้ก็จะต้องมีขาหลอดเสริม แต่ไม่ต้องมี บัลลาสต์ และ สตาร์ทเตอร์ กินไฟน้อยกว่า ให้แสงที่นิ่งกว่าเดิม และไม่ปล่อยคลื่นความร้อนออกมา ขั้วหลอดเป็นแบบเขี้ยวชนิด G13 (สำหรับหลอดขนาด T8) หรือชนิด G5 (สำหรับหลอดขนาด T5)
4. หลอดไฟ LED รูปทรงไม่มาตรฐาน หลอด LED กลุ่มนี้ เป็นหลอดชนิดที่เน้นใช้เพื่อการตกแต่ง หรือ ใช้งานแบบเฉพาะงาน ไม่เน้นการนำเอามาใช้แทนหลอดแบบเดิมที่มีทั่วไป ข้อดีก็คือ ประหยัดไฟ ไม่ปล่อยความร้อน และมีอายุการใช้งานยาวนาน อันเป็นคุณสมบัติของหลอดไฟ LED อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันมีรูปทรงที่ต่างจากหลอดทั่วไป การนำไปใช้งาน ต้องอ่านคู่มือให้ละเอียดถึงวิธีการใช้งานที่เหมาะสมและการประกอบติดตั้ง หากไม่ชำนาญ ก็ควร หาช่าง มืออาชีพมาดำเนินงานให้จะดีที่สุด
"ชนิดของหลอดไฟ LED" ที่เราพบโดยทั่วไป ก็จะมีอยู่ 4 แบบนี้ แต่ก่อนจะซื้อหามาใช้งานก็ขอให้พิจารณา และศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้รอบคอบก่อน และหากไม่ชำนาญ การ หาช่าง ที่มีทักษะมาช่วยเหลือเป็นหนทางที่ดีกว่ามาก เพราะการติดตั้ง หรือ ใช้งานผิดพลาด อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือก่อให้เกิดอันตรายได้