เเอร์หรือเครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พูดได้ว่าจำเป็นเป็นอันดับต้นๆเเล้วในการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างบ้านเรา พูดได้ว่าหากวันไหนเเอร์มีปัญหาหรือไม่เย็น บางท่านอาจจะนอนไม่ได้เลยทีเดียว ก็ต้องเรียกช่างมาดู บางทีช่างก็ไม่ว่าง หรือราคาในการซ่อมแอร์ก็ค่อนข้างสูง วันนี้ houzzmate จะเเอบมาบอกทริคเล็กๆน้อยๆเบื้องต้น เผื่อให้ท่านเจ้าของบ้านได้ตรวจสอบดูเเล เเก้ไขเองเเบบเบื้องต้นไม่ต้องพึ่งพาช่าง อาจไม่ต้องหาช่างให้วุ่นวาย หากเคสไม่ยากเเละหนักจนเกินไป
9 สาเหตุหลักๆที่ทำให้เเอร์ของท่านทำงานไม่ปกติ มีอะไรบ้าง ?
1.ถ้าแอร์ไม่เย็น แต่คอมเพรสเซอร์ยังทำงาน จะเเก้ไขทำยังไง ?
โดยทั่วไป ถ้าแอร์ไม่เย็น แต่คอมเพรสเซอร์ยังทำงาน มักจะมีสาเหตุมาจาก
- แอร์บ้านสกปรก โดยปกติควรล้างฟิวเตอร์กรองด้วยตนเอง อาทิตย์ละครั้ง เเละหากยังไม่เย็นอีก ควรล้างทั้งเครื่องแอร์ด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งความถี่ในการล้างและตรวจสอบแอร์ที่บ้าน ควรอย่างน้อยปีละ 2-4 ครั้งเป็นอย่างต่ำ เเล้วเเต่การใช้งาน ( อันนี้อาจต้องใช้ช่างเพราะถ้าล้างไม่ดีสิ่งสกปรกอาจอุดตันได้)
- น้ำยาแอร์ขาด ควรทำการตรวจสอบและการเติมน้ำยาแอร์ปีละ 2 ครั้ง โดยให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นคนประเมินว่า ควรเติมน้ำยาเข้าไปที่ตัวแอร์เท่าไหร่ (โดยปกติ R22 จะใช้น้ำยาแอร์แรงดันประมาณ 70-80 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว / R 32 .ใช้ 150-180 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เป็นต้น )
- มีอาการตันของระบบน้ำยาแอร์ ต้องทำการเปลี่ยน Capillary Tube (ตัวฉีดน้ำยา), ตัวกรองความชื้น และระบบเติมน้ำยา เช่นกันครับ หากมีน้ำยาแอร์มีการอุดตัน เราก็จะต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่เป็นชื้นใหม่ ซึ่งเราควรทำการตรวจเช็คสภาพแอร์ที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้เราทราบได้ทันทีว่า อุปกรณ์ภายในของแอร์ตัวใดเกิดอาการเสื่อมสภาพบ้าง จะได้เปลี่ยนอะไหล่ได้ทันท่วงที ไม่มีลมร้อนให้เสียอารมณ์
2. ถ้าแอร์ไม่เย็น และคอมเพรสเซอร์ก็ไม่ทำงาน จะเเก้ไขทำยังไง ?
- สายไฟที่เชื่อมต่อไฟฟ้าไปที่ตัวแอร์ อาจมีการชำรุด หลุดออก หรือ ขาด ซึ่งวิธีแก้คือ เราจะต้องทำการตรวจเช็ค หาจุดที่สายไฟเสียหาย และควรให้ช่างผู้ชำนาญการเข้ามาเปลี่ยนใหม่จะดีที่สุด
- อะไหล่ส่วนของการควบคุมแอร์ชำรุดเสียหาย ปกติแล้วตัวแอร์จะมีชิ้นส่วนอยู่หลายตัว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมแอร์ ไม่ว่าจะเป็นตัวตัดต่อวงจรไฟฟ้า, แคปสตาร์ท หรือแผงควบคุมหลักของตัวเครื่อง ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้หากมีการชำรุดแล้วล่ะก็ จะเป็นจะต้องแจ้งให้ช่างเข้ามาเปลี่ยนหรือ ส่งซ่อมที่ศูนย์บริการของผู้ผลิตเท่านั้น ไม่เเนะนำให้ซ่อมด้วยตนเองครับ
3. ถ้าแอร์ไม่เย็น แถมยังมีเสียงดังออกมาด้วย จะเเก้ไขทำยังไ?
หากแอร์ไม่เย็น มีเสียงดังออกมาจากตัวเครื่อง อาจจะมีอาการดังนี้
- แอร์บ้านอาจสกปรก อุดตัน สามารถแก้ไขด้วยตนเอง โดยใช้น้ำยาล้างเเอร์เเบบง่ายชนิดพ่นโฟมที่ล้างเองได้ เเต่อาจเกิดอาการอุดตันได้ภายหลังการล้าง จึงไม่ค่อยเเนะนำเท่าไรครับ ควรใช้ปั๊มน้ำแรงดันสูงอย่างสม่ำเสมอ 2-4 ครั้งต่อปี ซึ่งถือเป็นวิธีแก้ปัญหาพื้นฐาน แนะนำให้ช่างแอร์ที่มีประสบการณ์มาทำ เนื่องจากหากทำการถอดแอร์เพื่อล้างเรียบร้อยแล้ว แต่หากมีการประกอบแอร์หลังจากการล้างไม่ดี ก็อาจทำให้เกิดเสียงดังรบกวนออกมาเหมือนเดิม
- มอเตอร์ของบานสวิงหน้าแอร์เสีย หรือ ขาบานสวิงหัก ทำให้ลมเย็นไม่ออกมาอย่างเต็มที่ ก็ถือว่าทำให้แอร์ไม่เย็นได้ นอกจากนั้นหากมอเตอร์พัดลมเสื่อมสภาพ ใบพัดลมตีกับโครงแอร์ ก็ยิ่งเป็นสาเหตุหลักทำให้แอร์ไม่เย็นและเสียงดังกว่าเดิม อันนี้ควรเรียกช่างผู้ชำนาญการ มาตรวจเช็คหาจุดที่กระทบกันโดยเร่งด่วน
4. แอร์มีน้ำหยดจากตัวเครื่อง ต้องทำยังไง?
- แอร์จะมีน้ำที่เกิดจากการระเหยนี้ไหลออกมาตลอดเวลา ถือเป็นอาการที่ดี ซึ่งแสดงว่าแอร์ของเรามีความชื้นสูง เพราะหน้าที่ของมันคือการดูดซับความชื้นออกจากห้องที่เราอยู่ แต่หากมีน้ำหยดมากจนเกินไป อาจเกิดจากท่อน้ำทิ้งอุดตันเพราะสิ่งสกปรก ให้แก้ไขด้วยการล้างแอร์ด้วยปั้มแรงดันสูง ไหล่สิ่งสกปรกที่อุดตันเเผงออกไป
5. แอร์มีกลิ่นอับชื้น
สาเหตุจากมีความชื้นสูง / เเละแอร์สกปรก / เดินท่อน้ำทิ้งไปตรงกับท่อระบายน้ำ
วิธีแก้ไข ตั้งโหมดลดความชื้นที่รีโมต / ทำการล้างแอร์ด้วยปั๊มแรงดันสูง / ทำการเปลี่ยนตำแหน่งใหม่
6. บานสวิงที่คอยล์เย็นไม่ทำงาน
สาเหตุที่เกิดอาจมาจากมอเตอร์สวิงเสีย / ขาบานสวิงหัก / แผงควบคุมเสีย
วิธีแก้ไข เปลี่ยนมอเตอร์สวิง / เปลี่ยนขาบานสวิง / เปลี่ยนแผงควบคุม -- หรือ ส่งซ่อมที่ศูนย์บริการของผู้ผลิต
7. ท่อน้ำยาด้านส่งมีน้ำหรือน้ำแข็งเกาะ (เฉพาะเครื่องรุ่นที่ฉีดน้ำยาที่แฟนคอยล์ ยูนิต)
สาเหตุ อุปกรณ์กำจัดความชื้นและไส้กรองตัน / เซอร์วิสวาล์วด้านส่งอาจจะเปิดไม่สุด
วิธีแก้ไข เปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ / เปิดวาล์วให้สุด
8. แคปรัน(Run Capacitor)ขาด หรือเกิดลัดวงจร
สาเหตุอาจจะเกิดมาจากใช้ขนาดความจุไม่ถูกต้อง / แรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงผิดปกติ (มากกว่า 110% ของแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด)
วิธีแก้ไข เปลี่ยนแคปรันให้มีขนาดความจุที่ถูกต้อง / หาสาเหตุและแก้ไขให้ถูกต้อง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เรียกช่าง
9. อาการโอเวอร์โหลดตัดวงจรและคอมเพรสเซอร์หยุดทำงานหลังจากที่เริ่มสตาร์ทใหม่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
สาเหตุเกิดจากมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านโอเวอร์โหลดมากเกินไป มีแรงเคลื่อนไฟฟ้าตก โอเวอร์โหลดขัดข้อง แคปรัน(Run Capacitor)เสียหาย ขัดข้อง คอมเพรสเซอร์มีอาการร้อนจัด คอมเพรสเซอร์ไหม้
วิธีแก้ไข ตรวจเช็ควงจรไฟฟ้า มอเตอร์พัดลม สายไฟและขนาดของโอเวอร์โหลดให้ถูกต้อง ค้นหาสาเหตุและทำการแก้ไข ตรวจเช็คกระแสไฟฟ้าและ เปลี่ยนโอเวอร์โหลด ค้นหาสาเหตุและเปลี่ยนแคปรันใหม่ ตรวจวัดสารทำความเย็น (อาจมีการรั่ว) ถ้าจำเป็นให้เพิ่มเติมแล้วตรวจสอบซุปเปอร์ฮีท หรือต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์